พวกเราส่วนใหญ่จะมีสายชาร์จ หรือ สายUSB ไม่มากก็น้อย สำหรับการชาร์จโทรศัพท์�ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือเราก็อาจจะมีอีกสักเส้นเอาไว้พกติดตัวสำหรับชาร์จกับ POWER BANK
แต่คุณเคยสงสัยมั้ยว่า ทำไม สายชาร์จบางสาย ชาร์จได้ช้ากว่า หรือ ไม่สามารถใช้ชาร์จโทรศัพท์ได้เลย�
มาดูถึงสาเหตุเหล่านั้นกันดีกว่า
อันดับแรก จะเป็นการยากมากหากจะแยกชนิดของสาย USB หรือ สายชาร์จผ่านทางการดูรูปร่างภายนอก เนื่องจาก สิ่งที่แตกต่างกันนั้นคือสายเคเบิ้ลด้านใน
สายบางสาย อาจจะ ทำงานได้ช้ากว่า เทียบเท่าสินค้า Original หรือทำงานได้ดีกว่า
ภายในสาย USB จะมี สายอยู่อีกถึง5 เส้น ใน USB 1.0 และ USB 2.0 แต่ใน USB 3.0 จะมีมากกว่านั้น ซึ่งสายชาร์จส่วนใหญ่ในท้องตลาดที่ใช้กันก็คือ USB 2.0 หรือ USB� 3.0 ที่เรากำลังจะกล่าวถึงนั่นเอง
ส่วนประกอบของสาย� USB
2X 28 AWG data lines
2X 20-28 AWG power conductors
1X drain wire
และสายทั้ง 5 เส้นนี้ก็เชื่อมต่อกับแป้นของหัวเสียบUSB นั่นเอง
ในความเป็นจริงแล้ว� สาย USB จะถูกแบ่งออก 2 ประเภทด้วยัน ก็คือ fully-rated และ Sub-Channel ความแตกต่างที่เด่นชัดในสายUSB 2 ชนิดนี้ก็คือ
fully-rated นั้นใช้สำหรับอุปกรณ์ต่อเชื่อมทั่วไป�ซึ่งความเร็วในการรับส่งสัญญาณจะเท่ากับ 480 Mbps (ความเร็วสูง)�
ซึ่งในขณะที่ สาย Sub-Channel นั้นจะสามารถรับส่งสัญญาณได้ที่ความเร็ว 1.5� Mbps (ความเร็วมาตรฐาน)
เนื่องจากส่วนประกอบด้านในสายทั้งสองเส้นนั้นมีความแตกต่างกัน
Fully-rated USB นั้นจะถูกห่อหุ้มด้วย Braid และ ฟอยอะลูมิเนียม
คุณอาจจะสังเกตุเห็น สายคุณภาพดี บางสาย มีการพิมพ์ข้อความ "28AWG/2C AND 24AWG/2C" หรือ "28AWG/1p + 24AWG/2C"
ข้อความท่อนแรกตามปกติแล้วจะหมายถึง คู่ของสายสัญญาณ 28AWG "2C" หมายถึง 2 Conductors และ "1P" หมายถึง 1 คู่
ส่วนสำคัญของรหัสข้างต้นก็คือ ส่วนที่ 2 ซึ่งจะเจาะจงถึงแรงในการส่งพลังงานไฟฟ้า ซึ่งขั้นต่ำที่กำหนดคือ 28AWG ซึ่งตัวเลขยิ่งน้อยคุณภาพจะยิ่งดีขึ้น
นั่นก็เป็นเพราะว่า ยิ่งตัวเล็กน้อย ความหนา ของสายนั้นก็จะยิ่งเยอะขึ้น จึงนำไฟฟ้าได้ดีขึ้น
เพราะฉะนั้น การชาร์จโทรศัพท์กับสาย "28AWG/1p + 28AWG/2C" จะช้ากว่า "28AWG/1P + 24AWG/2C"
สายบางสายมาพร้อมกับ Ferrite bead ที่ปลายสาย เอาไว้ลดสัญญาณรบกวน เพื่อที่จะได้เพิ่มศักยภาพในการส่งสัญญาณอีกด้วย
วิธีการเลือกซื้อสาย USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์ของคุณ
1. เลือกสายที่เป็น USB 2.0�
2.ความเร็วในการรับส่งข้อมูล : 480 Mbps
3.ที่กล่องระบุชัดเจนว่า สามารถชาร์จได้ (Charging) ไม่ใช่แค่รับส่งข้อมูล (Data Cable)
4.ตัวนำกำลังไฟฟ้า�24AWG/2C หรือ ดีกว่านี้ เพื่อความเร็วในการชาร์จ
5.ถ้าหากมี� Ferrite bead ก็จะดียิ่งขึ้น
อย่าลืมคราวต่อไป นอกจากข้อมูลที่ระบุบนกล่องบรรจุภัณฑ์แล้ว ข้อมูลที่พิมพ์บนสาย ก็อาจจะมีประโยชน์ในการเลือกซื้อสายชาร์จของคุณ
�
Comments